คำว่า “มหา” เป็นคำสมณศักดิ์ใช้นำหน้าชื่อพระภิกษุที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม 3 ประโยค ขึ้นไปจนถึงเปรียญธรรม 9 ประโยค โดยคำ “มหา” มาจากศัพท์ในภาษาบาลี (มหนฺต ลดรูปเป็น มหา) ใช้นำหน้าพระเถระผู้มีร่างกายสูงใหญ่ในสมัยพุทธกาลเช่น พระมหากัสสปเถระ พระมหาโมคคัลลานะ และใช้เรียกนำหน้ายกย่องพระเถระผู้เป็นที่น่าเคารพนับถือว่า พระมหาเถระ แปลว่า พระเถระผู้ใหญ่

โดยคำว่า “พระมหา” สันนิษฐานว่ากร่อนมาจากคำว่า “พระมหาชาติ” ที่ชาวพุทธใช้เรียกพระผู้ทรงภูมิบาลีแตกฉาน จนสามารถเทศนาพระมหาชาติเวสสันดรชาดกได้ และต่อมาพระมหากษัตริย์จึงใช้คำนี้แต่งตั้งพระผู้ทรงภูมิบาลีให้ดำรงสมณศักดิ์ที่พระมหา หรือพระมหาชาติ เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลีเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนามาแต่โบราณ

พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณถวายพัดยศสมณศักดิ์สายเปรียญธรรม (พัดยศมหาเปรียญ) แก่พระสงฆ์โดยยกย่องถวายคำว่า “มหา” เพื่อใช้นำหน้าพระภิกษุผู้สอบไล่ได้ ประโยคบาลี เพื่อเป็นการถวายกำลังใจแก่พระสงฆ์ผู้สนใจเล่าเรียนศึกษาและมีความรู้สอบไล่ได้สายเปรียญธรรมบาลีตั้งแต่ชั้นเปรียญตรีขึ้นไปจนถึงปัจจุบันนี้ (โดยในอดีตนั้นพระมหากษัตริย์เคยมีการถวายนิตยภัตรแก่พระสงฆ์และสามเณรที่เป็นมหาเปรียญทุกชั้น แต่ปัจจุบันคงมีการถวายนิตยภัตรายเดือนเฉพาะผู้สอบได้ระดับเปรียญธรรม ๙ ประโยค เท่านั้น)

ส่วนคำหน้าอื่นๆ มีรายละอียดจาก
ประกาศกรมการศาสนา ดังนี้

เรื่อง การเรียกคำนำหน้าชื่อของพระสงฆ์

โดยที่กรมการศาสนาพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันนี้ การเรียกคำนำหน้าพระสงฆ์ยังเรียกกันสับสนไม่เป็นที่ยุติแน่นอนเป็นอย่างเดียว โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ยังไม่มีสมณศักดิ์ ยังใช้คำนำหน้าเรียกชื่อว่า “พระภิกษุ” ก็มี “พระ….”ก็มี สมควรที่จะได้ใช้คำนำหน้าเรียกชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เป็นการแน่นอน ทั้งนี้เพื่อจะได้ถือปฏิบัติเป็นหลักอันเดียวกัน สำหรับพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์นั้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะใช้เรียกชื่อตามราชทินนามสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานอยู่แล้ว จึงได้ตรวจสอบเรื่องราวประเพณีในหนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ และตามเชิงอรรถข้อ ๑๕ อันเป็นนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ในหนังสือพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ แล้วนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณา มหาเถรสมาคมในการประชุม ครั้งที่ ๑๕/๒๕๒๗ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๒๗ พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบตามที่กรมการศาสนาเสนอ และให้ถือเป็นหลักปฏิบัติ ดังนี้

    ๑. พระภิกษุธรรมดาทั่วไป ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “พระ” เช่น พระสวัสดิ์ ควรต่อท้ายด้วยฉายา เป็น พระสวัสดิ์ สิริปุญฺโญ แต่ถ้าเป็นเปรียญตั้งแต่ ๓ ประโยคขึ้นไป ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “พระมหา” ต่อท้ายด้วยฉายา เช่น พระมหาสวัสดิ์ สิริปุญฺโญ 

    ๒. ถ้าเป็นเจ้าอาวาส ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “พระอธิการ” ต่อท้ายด้วยฉายา เช่น พระอธิการสวัสดิ์  สิริปุญฺโญ 

    ๓. ถ้าเป็นเจ้าคณะตำบล หรือเป็นพระอุปัชฌาย์ ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อว่า “เจ้าอธิการ” ต่อท้ายด้วยฉายา เช่น เจ้าอธิการสวัสดิ์ สิริปุญฺโญ 

    กรมการศาสนาจึงขอประกาศให้ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อพระภิกษุธรรมดาทั่วไป “พระ….” ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อเจ้าอาวาสที่ไม่มีสมณศักดิ์ว่า “พระอธิการ…” ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อเจ้าคณะตำบลและพระอุปัชฌาย์ที่ไม่มีสมณศักดิ์ว่า “เจ้าอธิการ…” ต่อท้ายชื่อด้วยฉายา ตามระเบีบการคณะสงฆ์ให้เป็นแบบเดียวกันต่อไป 

ประกาศ ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗

นายชำเลือง วุฒิจันทร์

อธิบดีกรมการศาสนา

Total Views: 182 ,
ความเห็นล่าสุด